Published Apr 24, 2025 ⦁ 3 min read

เปรียบเทียบ Salepage กับ Landing Page เพื่อช่วยคุณเลือกแบบที่เหมาะสมกับเป้าหมายธุรกิจของคุณที่สุด.

Salepage vs Landing Page: อะไรเหมาะกับธุรกิจคุณมากกว่ากัน

Salepage vs Landing Page: อะไรเหมาะกับธุรกิจคุณมากกว่ากัน

คุณกำลังสงสัยว่า Salepage หรือ Landing Page เหมาะกับธุรกิจของคุณมากกว่ากัน? คำตอบขึ้นอยู่กับเป้าหมายของคุณ:

  • Salepage: ออกแบบมาเพื่อปิดการขายทันที เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องการอธิบายรายละเอียดหรือสร้างความเร่งด่วนในการซื้อ
  • Landing Page: มุ่งเน้นการเก็บข้อมูลลูกค้าใหม่ เช่น การลงทะเบียนหรือการทดลองใช้ เหมาะสำหรับสร้างโอกาสในระยะยาว

ความแตกต่างที่สำคัญ

คุณสมบัติ Salepage Landing Page
เป้าหมายหลัก ปิดการขายทันที เก็บข้อมูลลูกค้าใหม่
ความยาวเนื้อหา ยาวและละเอียด สั้น กระชับ
ปุ่ม CTA มีหลายจุดทั่วหน้า มีเพียงจุดเดียว
ฟอร์ม ไม่มี มีฟอร์มสำหรับเก็บข้อมูล

สรุป: หากคุณต้องการยอดขายทันที เลือก Salepage แต่ถ้าคุณต้องการสร้างฐานลูกค้าใหม่ เลือก Landing Page!

Sales Page, Landing Page, Web Page ?? คืออะไร ต่างกัน ...

ความแตกต่างหลักระหว่าง Salepage และ Landing Page

เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น เราจะเปรียบเทียบ วัตถุประสงค์ และ โครงสร้าง ของ Salepage และ Landing Page แบบตรงไปตรงมา

วัตถุประสงค์และการใช้งาน

  • Salepage: เน้นกระตุ้นให้เกิดการซื้อทันที โดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า เช่น คุณสมบัติ ราคา และข้อเสนอพิเศษ
  • Landing Page: มุ่งรวบรวมข้อมูลผู้สนใจและสร้างความประทับใจแรก เหมาะสำหรับการดึงดูดผู้ชมกลุ่มใหม่

โครงสร้างและองค์ประกอบของหน้า

องค์ประกอบ Salepage Landing Page
ความยาวเนื้อหา ยาวและละเอียด เพื่อตอบทุกคำถาม สั้น กระชับ เจาะจุดสำคัญ
ปุ่ม CTA มีหลายจุดทั่วหน้า มีเพียงจุดเดียว ชัดเจน
การสร้างความเร่งด่วน ใช้คำเช่น "ด่วน" หรือ "วันนี้เท่านั้น" ไม่เน้นการเร่งรัด
ฟอร์ม มักไม่มี เน้นปุ่มซื้อทันที มีฟอร์มสำหรับเก็บข้อมูลผู้สนใจ

การเลือกใช้ Salepage หรือ Landing Page ควรสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจของคุณ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด!

ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติ

คุณสมบัติ Salepage Landing Page
วัตถุประสงค์หลัก เน้นการขายและปิดการขายทันที สร้างโอกาสในการเก็บข้อมูลลูกค้า เช่น การสร้าง Lead
ระดับราคาสินค้าที่เหมาะสม เหมาะกับสินค้าทุกระดับราคา ใช้ได้กับสินค้าทุกระดับราคา
ความซับซ้อนของเนื้อหา เนื้อหาสั้นเหมาะกับสินค้าทั่วไป หรือเนื้อหาละเอียดสำหรับสินค้าที่ต้องการอธิบายเพิ่มเติม กระชับ ชัดเจน และเน้นจุดสำคัญ
องค์ประกอบหลัก พาดหัวโดดเด่น, อธิบายปัญหาและแนวทางแก้, คุณประโยชน์สินค้า, รีวิวจริง, การรับประกัน, ราคา พาดหัวดึงดูด, เนื้อหาที่น่าสนใจ, ภาพกราฟิกเด่น, ฟอร์มสั้น, รีวิวจากผู้ใช้, คำถามที่พบบ่อย
กลุ่มเป้าหมาย ผู้บริโภคที่ยังไม่รู้จักแบรนด์ หรือผู้ที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม กลุ่มเป้าหมายใหม่หรือผู้ที่เริ่มสนใจในสินค้า/บริการนั้น ๆ
ตัวชี้วัดความสำเร็จ จำนวนการปิดการขาย จำนวนลูกค้าใหม่ที่ได้จากการลงทะเบียนหรือกรอกข้อมูลในฟอร์ม

จากรายงานของ HubSpot ในไตรมาส 3/2566 พบว่า Landing Page มีประสิทธิภาพในการสร้างโอกาสลูกค้าใหม่มากกว่า 5 เท่า และธุรกิจที่มีหน้า Landing Page มากกว่า 10 หน้าสามารถเพิ่มโอกาสลูกค้าใหม่ได้ถึง 55%.

ข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการเลือกใช้ Salepage และ Landing Page ให้เหมาะสมกับเป้าหมายและลักษณะธุรกิจของคุณ.

sbb-itb-4ffe5b5

การเลือกใช้งานที่เหมาะสมกับธุรกิจแต่ละประเภท

หลังจากเข้าใจโครงสร้างและเป้าหมายที่แตกต่างกันแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการวิเคราะห์ประเภทธุรกิจของคุณ เพื่อเลือกรูปแบบที่ช่วยสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ได้ดีที่สุด

เมื่อไหร่ควรใช้ Salepage

Salepage เหมาะสำหรับสินค้าหรือบริการที่ต้องการปิดการขายทันที ไม่ว่าจะเป็นสินค้าราคาย่อมเยาที่มีจุดขายชัดเจน หรือสินค้าราคาสูงที่ต้องการอธิบายรายละเอียดเพื่อสร้างความเชื่อมั่น

เมื่อไหร่ควรใช้ Landing Page

Landing Page เหมาะสำหรับการเก็บข้อมูลลูกค้าเบื้องต้นและสร้างผลตอบแทนในระยะยาว โดยมักใช้ร่วมกับแบบฟอร์มสมัครสมาชิก การดาวน์โหลดเนื้อหา หรือการทดลองใช้ฟรี

ประเภทธุรกิจ Salepage Landing Page
E-commerce ✓ ขายสินค้าโดยตรง ✓ โปรโมตสินค้าใหม่
บริการ B2B ✓ เสนอแพ็กเกจบริการ ✓ เก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อการติดตาม
การศึกษา ✓ ขายคอร์สออนไลน์ ✓ รับสมัครเวิร์กช็อปหรือสัมมนา
ซอฟต์แวร์ ✓ ขายแผนการใช้งานรายปี ✓ ลงทะเบียนเพื่อทดลองใช้ฟรี

กระบวนการคัดเลือกของ VenueE Performance Marketing

VenueE Performance Marketing

หลังจากเลือกประเภทหน้าเว็บที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ ไม่ว่าจะเป็น Salepage หรือ Landing Page VenueE จะดำเนินงานในสองขั้นตอนหลัก ได้แก่ การวิเคราะห์เป้าหมายธุรกิจ และการติดตามผลพร้อมปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

การวิเคราะห์เป้าหมายธุรกิจ

ทีมงานของ VenueE จะพิจารณาเป้าหมายทางการตลาด งบประมาณ และลักษณะสินค้า/บริการของคุณ เพื่อช่วยตัดสินใจว่า Salepage หรือ Landing Page เหมาะสมที่สุดสำหรับแคมเปญที่คุณต้องการ

การติดตามผลและปรับปรุง

VenueE ใช้ตัวชี้วัดแบบเรียลไทม์เพื่อประเมินประสิทธิภาพ เช่น:

  • อัตราการเปลี่ยนผู้เยี่ยมชมเป็นลูกค้า (Conversion Rate): วัดว่าผู้เยี่ยมชมกลายเป็นลูกค้าได้มากน้อยเพียงใด
  • ต้นทุนต่อการได้มาซึ่งลูกค้า (Cost per Acquisition): ช่วยควบคุมงบประมาณให้คุ้มค่า
  • ระยะเวลาที่ผู้เยี่ยมชมอยู่ในหน้าเว็บ (Time on Page): ดูว่าผู้เยี่ยมชมใช้เวลานานแค่ไหน
  • อัตราการคลิกปุ่ม CTA (CTA Click-through Rate): บ่งบอกถึงความน่าสนใจของปุ่มเรียกร้องให้ดำเนินการ

ทีมงานจะประชุมกับคุณทุกสองสัปดาห์ เพื่อทบทวนผลลัพธ์ เช่น Conversion Rate, CPA, Time on Page และ CTA Click-through Rate จากนั้นปรับปรุงเนื้อหาและองค์ประกอบของหน้าเว็บตามข้อมูลที่ได้ โดยคุณสามารถใช้บริการแบบรายเดือนที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ ไม่มีข้อผูกมัด เพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ให้ได้มากที่สุด

การเลือกรูปแบบที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ

การเลือกรูปแบบหน้าเว็บที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับ สองปัจจัยหลัก:

  • สินค้าที่ต้องการคำอธิบายละเอียดหรือมุ่งเป้ากลุ่มลูกค้าใหม่: ใช้ Salepage แบบยาว เพื่อให้ข้อมูลครบถ้วนและสร้างความเชื่อมั่นในสินค้า
  • สินค้าที่เข้าใจง่ายหรือมุ่งเป้ากลุ่มลูกค้าที่คุ้นเคย: ใช้ Landing Page เพื่อรวบรวมข้อมูลลูกค้าและสร้างโอกาสในการติดตามผล

หลังจากเลือกรูปแบบแล้ว อย่าลืม ทดสอบ A/B และปรับหน้าเว็บให้เหมาะสมกับการใช้งานบนมือถือ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลลัพธ์สำหรับธุรกิจของคุณ!

FAQs

Salepage และ Landing Page ต่างกันอย่างไร และควรเลือกใช้แบบไหนให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ?

Salepage และ Landing Page มีความแตกต่างกันในด้านวัตถุประสงค์และการใช้งาน ซึ่งการเลือกใช้งานขึ้นอยู่กับเป้าหมายของธุรกิจคุณ:

  • Landing Page: เหมาะสำหรับการดึงดูดความสนใจของลูกค้า สร้างโอกาสในการขาย และรวบรวมข้อมูลลูกค้า เช่น การสมัครสมาชิกหรือการกรอกแบบฟอร์ม
  • Salepage: เหมาะสำหรับการขายสินค้าและบริการโดยตรง โดยเน้นการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกและกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อทันที

ทั้งนี้ ธุรกิจจำนวนมากมักใช้ทั้งสองรูปแบบร่วมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาดและการขายให้สูงสุด การเลือกใช้งานควรพิจารณาจากประเภทสินค้า/บริการและเป้าหมายของแคมเปญนั้นๆ

เราจะวัดผลความสำเร็จของ Salepage และ Landing Page ได้อย่างไร?

การวัดผลความสำเร็จของ Salepage และ Landing Page สามารถทำได้โดยพิจารณาตัวชี้วัดที่สำคัญ (Key Metrics) ซึ่งช่วยให้คุณทราบว่าหน้าเว็บไซต์เหล่านี้ตอบโจทย์เป้าหมายธุรกิจของคุณหรือไม่:

  1. อัตราการแปลง (Conversion Rate): วัดเปอร์เซ็นต์ของผู้เข้าชมที่ดำเนินการตามเป้าหมาย เช่น การซื้อสินค้า การกรอกฟอร์ม หรือการสมัครสมาชิก
  2. จำนวนผู้เข้าชม (Traffic): ตรวจสอบปริมาณผู้เข้าชมหน้าเพจ เพื่อประเมินความน่าสนใจและการเข้าถึงของหน้าเว็บ
  3. ระยะเวลาที่ใช้บนหน้า (Time on Page): ดูว่าผู้เข้าชมใช้เวลานานแค่ไหนบนหน้าเว็บ เพื่อประเมินว่าคอนเทนต์ดึงดูดและน่าสนใจพอหรือไม่

การเลือกตัวชี้วัดที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของธุรกิจ เช่น หากคุณต้องการเพิ่มยอดขาย Salepage อาจเน้น Conversion Rate เป็นหลัก ในขณะที่ Landing Page อาจมุ่งเน้นการสร้างความสนใจหรือรวบรวมข้อมูลลูกค้า (Leads) มากกว่า

สามารถใช้ Salepage และ Landing Page ร่วมกันในแคมเปญเดียวได้หรือไม่ และควรใช้อย่างไร?

ได้ค่ะ คุณสามารถใช้ Salepage และ Landing Page ร่วมกันในแคมเปญเดียวได้ โดยแต่ละหน้ามีบทบาทที่ต่างกันเพื่อเสริมสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในแคมเปญของคุณ

  • Landing Page เหมาะสำหรับดึงดูดความสนใจและเก็บข้อมูลลูกค้า เช่น ชื่อหรืออีเมล เพื่อใช้ในกระบวนการติดตามผล หรือแนะนำลูกค้าเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป
  • Salepage เหมาะสำหรับการปิดการขาย โดยเน้นการนำเสนอข้อมูลสินค้า/บริการที่ครบถ้วนและดึงดูดใจ เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อทันที

ตัวอย่างการใช้งานร่วมกัน: คุณสามารถเริ่มต้นด้วย Landing Page เพื่อดึงดูดผู้ที่สนใจและนำพวกเขาไปยัง Salepage เพื่อทำการซื้อสินค้า/บริการได้ วิธีนี้ช่วยเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนผู้เข้าชมให้กลายเป็นลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ

venuee performance marketing agency team
ต้องการเพิ่มยอดขาย?
ให้เราช่วยประเมินและวางแผนการตลาด เพื่อปรับ ROI ให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ