Remarketing เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยเพิ่มยอดขาย ลดค่าใช้จ่าย และสร้างความจดจำในแบรนด์อย่างมีประสิทธิภาพ.

Remarketing คืออะไร และทำไมเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ Performance Marketing Agency ต้องทำให้คุณ
Remarketing คือการทำโฆษณาซ้ำเพื่อดึงดูดลูกค้าที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ของคุณ เช่น เข้าชมเว็บไซต์หรือเพิ่มสินค้าในตะกร้า โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มยอดขายและสร้างความจดจำในแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จุดเด่นของ Remarketing:
- กระตุ้นการซื้อซ้ำ: เพิ่มโอกาสปิดการขายจากลูกค้าที่ลังเล
- ลดค่าใช้จ่าย: เน้นโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายที่มีโอกาสซื้อสูง
- สร้างความจดจำในแบรนด์: โฆษณาซ้ำช่วยให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้ดีขึ้น
เปรียบเทียบการตลาดทั่วไปกับ Remarketing:
หัวข้อ | Remarketing | การตลาดทั่วไป |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมาย | ลูกค้าที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ | กลุ่มเป้าหมายที่กว้าง |
วัตถุประสงค์ | กระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้า | เพิ่มการรับรู้แบรนด์ |
ค่าใช้จ่าย | คุ้มค่ากว่า เน้นกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน | ใช้งบมากกว่า เพราะเข้าถึงกลุ่มกว้าง |
ตัวอย่างเครื่องมือที่ใช้ใน Remarketing:
- Google Ads Tag: แสดงโฆษณาบน Google
- Facebook Pixel: แสดงโฆษณาบน Facebook และ Instagram
- LINE Tag: แสดงโฆษณาบน LINE
วิธีเริ่มต้นทำ Remarketing:
- ติดตั้งเครื่องมือติดตาม (เช่น Google Ads Tag, Facebook Pixel)
- แบ่งกลุ่มลูกค้าตามพฤติกรรม เช่น ผู้ที่เคยดูสินค้าแต่ยังไม่ซื้อ
- สร้างโฆษณาเฉพาะกลุ่ม พร้อมข้อเสนอที่น่าสนใจ
- ติดตามผลลัพธ์และปรับปรุงแคมเปญอย่างต่อเนื่อง
สรุป: Remarketing ช่วยเพิ่มยอดขาย ลดค่าใช้จ่าย และสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้า หากคุณต้องการเริ่มต้น VenueE Performance Marketing Agency พร้อมช่วยคุณสร้างกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
ทำโฆษณาแบบ Remarketing หรือ Retargeting
ผลกระทบทางธุรกิจของ Remarketing
Remarketing เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) โดยมุ่งเน้นการปิดการขาย ลดค่าใช้จ่าย และสร้างความจดจำในแบรนด์ให้ผู้บริโภค
การเพิ่มโอกาสปิดการขาย
จากข้อมูลพบว่า มีเพียง 3% ของผู้เข้าชมเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ตัดสินใจซื้อสินค้าในครั้งแรกที่เข้าเยี่ยมชม ซึ่งหมายความว่ายังมีโอกาสอีกมากมายที่ธุรกิจสามารถใช้ Remarketing เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ
Remarketing ทำให้ CTR เพิ่มขึ้นถึง 161% เมื่อเทียบกับโฆษณาทั่วไป เนื่องจากสามารถนำเสนอเนื้อหาโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของผู้บริโภคที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์มาก่อน การเพิ่มประสิทธิภาพนี้ช่วยให้การปิดการขายเป็นไปได้ง่ายขึ้น พร้อมลดต้นทุนด้านการตลาดไปในตัว
การลดค่าใช้จ่ายด้านการตลาด
Remarketing ช่วยลดค่าใช้จ่ายโดยการมุ่งเป้าหมายไปยังกลุ่มที่แสดงความสนใจในแบรนด์หรือสินค้าอยู่แล้ว ทำให้การใช้งบโฆษณามีประสิทธิภาพมากขึ้น
ประเภทการโฆษณา | กลุ่มเป้าหมาย | การใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ |
---|---|---|
Remarketing | ผู้ที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ | สูง เนื่องจากเจาะกลุ่มที่มีโอกาสซื้อจริง |
โฆษณาทั่วไป | กลุ่มเป้าหมายกว้าง | ต่ำกว่า เนื่องจากต้องเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย |
การสร้างความจดจำในแบรนด์
นอกจากการเพิ่มยอดขายแล้ว Remarketing ยังช่วยทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำมากขึ้นในสายตาผู้บริโภค
"透過再行銷,能讓品牌再次且多次呈現在消費者面前,可以讓消費者對品牌的印象逐步加深, 增加轉換成功的機會" - Rosy Chen, EventX
การแสดงโฆษณาซ้ำๆ ผ่าน Remarketing ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค โดยเฉพาะเมื่อเนื้อหาโฆษณานั้นสอดคล้องกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง
sbb-itb-4ffe5b5
การตั้งค่าแคมเปญ Remarketing
หลังจากที่เราได้พูดถึงผลกระทบของ Remarketing ต่อธุรกิจแล้ว มาดูวิธีการตั้งค่าแคมเปญเพื่อให้กลยุทธ์นี้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพกันดีกว่า
การตั้งค่า Remarketing ที่ดีต้องอาศัยการวางแผนและการตั้งค่าที่ละเอียดถี่ถ้วน โดยมีขั้นตอนสำคัญดังนี้:
การติดตั้งเครื่องมือติดตาม
Remarketing จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีเครื่องมือสำหรับติดตามพฤติกรรมของผู้ใช้งานบนเว็บไซต์หรือแอปของคุณ เครื่องมือหลักที่นิยมใช้ได้แก่:
แพลตฟอร์ม | การใช้งาน | ประโยชน์ |
---|---|---|
Google Ads Tag | ติดตามการเข้าชมเว็บไซต์ | แสดงโฆษณาบน Google Display Network |
Facebook Pixel | ติดตามกิจกรรมของผู้ใช้บนเว็บไซต์ | แสดงโฆษณาบน Facebook และ Instagram |
LINE Tag | ติดตามการใช้งาน LINE OA | แสดงโฆษณาบนแพลตฟอร์ม LINE |
เมื่อคุณติดตั้งเครื่องมือเหล่านี้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการแบ่งกลุ่มลูกค้าของคุณให้เหมาะสม
การแบ่งกลุ่มลูกค้า
การแบ่งกลุ่มลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญของ Remarketing เพราะช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด คุณอาจแบ่งกลุ่มตามพฤติกรรม เช่น:
- ผู้ที่เข้าชมเว็บไซต์แต่ยังไม่ซื้อสินค้า
- ผู้ที่ใส่สินค้าในตะกร้าแต่ยังไม่ชำระเงิน
- ลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าแล้ว
- ผู้ที่เข้าชมหน้าสินค้าในหมวดเฉพาะ
การแบ่งกลุ่มเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถสร้างโฆษณาที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้ดีขึ้น
การสร้างโฆษณาเฉพาะกลุ่ม
โฆษณาที่ตรงกับพฤติกรรมของแต่ละกลุ่มลูกค้าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็นยอดขาย ตัวอย่างแนวทางการสร้างโฆษณา ได้แก่:
- ผู้ที่เคยดูสินค้า: เสนอโปรโมชั่นหรือส่วนลดสำหรับสินค้าที่เคยชม
- ลูกค้าที่เคยซื้อสินค้า: แนะนำสินค้าที่เกี่ยวข้องหรือสินค้าใหม่
- ผู้ที่ใส่สินค้าในตะกร้าแต่ยังไม่ซื้อ: แสดงโฆษณากระตุ้นการตัดสินใจ พร้อมข้อเสนอพิเศษ
การปรับแต่งโฆษณาให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญได้อย่างมาก
การติดตามและวัดผล
เพื่อให้แคมเปญ Remarketing มีประสิทธิภาพ คุณต้องวัดผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ตัวชี้วัดสำคัญ เช่น:
- อัตราการคลิกโฆษณา (CTR)
- อัตราการกลับมาซื้อซ้ำ
- ต้นทุนต่อการได้มาซึ่งลูกค้า (CAC)
- มูลค่าการซื้อเฉลี่ยต่อครั้ง
การวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้อย่างละเอียดจะช่วยให้คุณปรับปรุงแคมเปญได้ตรงจุด และสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้าในระยะยาว
แนวทางการทำ Remarketing ในตลาดไทย
หลังจากตั้งค่าแคมเปญ Remarketing เบื้องต้นแล้ว มาดูกันว่าการปรับแต่งให้เหมาะสมกับตลาดไทยสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างไร
แพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมในไทย
ในประเทศไทย แพลตฟอร์มอย่าง Facebook และ Instagram ถือเป็นตัวเลือกหลักสำหรับการทำ Remarketing เนื่องจากสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลาย และมีเครื่องมือโฆษณาที่ตอบโจทย์ธุรกิจทุกประเภท
ปรับแต่งให้เหมาะสมกับตลาดไทย
การทำ Remarketing ในไทยควรพิจารณาปัจจัยเฉพาะที่สอดคล้องกับพฤติกรรมและความคาดหวังของผู้บริโภคชาวไทย:
-
การใช้ภาษาและการสื่อสาร
ใช้ภาษาไทยที่เป็นกันเองและเข้าใจง่าย หลีกเลี่ยงการแปลตรงจากภาษาอังกฤษ เพราะอาจทำให้ข้อความดูไม่เป็นธรรมชาติ -
การแสดงราคาและโปรโมชัน
ระบุราคาในรูปแบบ เงินบาท (เช่น ฿1,990) พร้อมบอกส่วนลดและระยะเวลาโปรโมชันอย่างชัดเจน เช่น ลด 50% ถึงวันที่ 30 เมษายน 2568 -
การออกแบบเนื้อหา
ใช้ภาพและกราฟิกที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมไทย เช่น สีสันหรือองค์ประกอบที่คนไทยคุ้นเคย และปรับขนาดเนื้อหาให้เหมาะกับการดูผ่านมือถือ
เสริมความน่าเชื่อถือด้วยรีวิวหรือความคิดเห็นจากลูกค้าที่เคยใช้บริการ
การวัดผลที่เหมาะกับตลาดไทย
เพื่อประเมินความสำเร็จของแคมเปญ ควรใช้ตัวชี้วัดเดิมที่ใช้ในแคมเปญทั่วไป แต่ปรับให้สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคในไทย เช่น อัตราการคลิก (CTR) จากกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ หรือยอดขายที่เกิดขึ้นจริงจากแคมเปญ
การปรับให้เข้ากับวัฒนธรรมและพฤติกรรมของผู้บริโภคในไทย ไม่เพียงช่วยเพิ่มความเกี่ยวข้อง แต่ยังสร้างผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ธุรกิจในตลาดนี้ได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
สรุป
Remarketing เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้ธุรกิจในไทยเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย โดยเน้นกลุ่มลูกค้าที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์มาก่อน และช่วยลดค่าใช้จ่ายด้วยการทำโฆษณาที่เจาะจงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ Remarketing ประสบความสำเร็จ ได้แก่:
- การแบ่งกลุ่มลูกค้าตามพฤติกรรมที่ชัดเจน
- การออกแบบเนื้อหาโฆษณาให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่ม
- การติดตามผลและปรับปรุงแคมเปญเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
เมื่อดำเนินการตามขั้นตอนเหล่านี้ Remarketing จะไม่ใช่แค่การนำโฆษณามาแสดงซ้ำ แต่ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างแบรนด์และลูกค้า ด้วยการนำเสนอเนื้อหาและข้อเสนอที่ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขา ธุรกิจจึงสามารถเพิ่มยอดขายและขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
หากต้องการใช้ Remarketing อย่างเต็มศักยภาพ VenueE Performance Marketing Agency พร้อมช่วยคุณวางแผนกลยุทธ์ ติดตามผล และปรับปรุงแคมเปญให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นสำหรับธุรกิจของคุณ
Related Posts
- ROI-Driven Marketing: Common Questions Answered
- เลิกเดาใจลูกค้า: วิธีวัดผลแคมเปญการตลาดแบบแม่นยำกับ Performance Marketing Agency
- ROI คือทุกอย่าง: วิธีวัดความคุ้มค่าจากการลงทุนกับ Performance Marketing Agency
- หยุดเผาเงินกับโฆษณาที่ไม่มีประสิทธิภาพ: วิธีที่ Performance Marketing Agency ช่วยประหยัดงบโฆษณา
