Published Apr 12, 2025 ⦁ 2 min read

Remarketing เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยเพิ่มยอดขาย ลดค่าใช้จ่าย และสร้างความจดจำในแบรนด์อย่างมีประสิทธิภาพ.

Remarketing คืออะไร และทำไมเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ Performance Marketing Agency ต้องทำให้คุณ

Remarketing คืออะไร และทำไมเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ Performance Marketing Agency ต้องทำให้คุณ

Remarketing คือการทำโฆษณาซ้ำเพื่อดึงดูดลูกค้าที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ของคุณ เช่น เข้าชมเว็บไซต์หรือเพิ่มสินค้าในตะกร้า โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มยอดขายและสร้างความจดจำในแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จุดเด่นของ Remarketing:

  • กระตุ้นการซื้อซ้ำ: เพิ่มโอกาสปิดการขายจากลูกค้าที่ลังเล
  • ลดค่าใช้จ่าย: เน้นโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายที่มีโอกาสซื้อสูง
  • สร้างความจดจำในแบรนด์: โฆษณาซ้ำช่วยให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้ดีขึ้น

เปรียบเทียบการตลาดทั่วไปกับ Remarketing:

หัวข้อ Remarketing การตลาดทั่วไป
กลุ่มเป้าหมาย ลูกค้าที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ กลุ่มเป้าหมายที่กว้าง
วัตถุประสงค์ กระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้า เพิ่มการรับรู้แบรนด์
ค่าใช้จ่าย คุ้มค่ากว่า เน้นกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ใช้งบมากกว่า เพราะเข้าถึงกลุ่มกว้าง

ตัวอย่างเครื่องมือที่ใช้ใน Remarketing:

  • Google Ads Tag: แสดงโฆษณาบน Google
  • Facebook Pixel: แสดงโฆษณาบน Facebook และ Instagram
  • LINE Tag: แสดงโฆษณาบน LINE

วิธีเริ่มต้นทำ Remarketing:

  1. ติดตั้งเครื่องมือติดตาม (เช่น Google Ads Tag, Facebook Pixel)
  2. แบ่งกลุ่มลูกค้าตามพฤติกรรม เช่น ผู้ที่เคยดูสินค้าแต่ยังไม่ซื้อ
  3. สร้างโฆษณาเฉพาะกลุ่ม พร้อมข้อเสนอที่น่าสนใจ
  4. ติดตามผลลัพธ์และปรับปรุงแคมเปญอย่างต่อเนื่อง

สรุป: Remarketing ช่วยเพิ่มยอดขาย ลดค่าใช้จ่าย และสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้า หากคุณต้องการเริ่มต้น VenueE Performance Marketing Agency พร้อมช่วยคุณสร้างกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ

ทำโฆษณาแบบ Remarketing หรือ Retargeting

ผลกระทบทางธุรกิจของ Remarketing

Remarketing เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) โดยมุ่งเน้นการปิดการขาย ลดค่าใช้จ่าย และสร้างความจดจำในแบรนด์ให้ผู้บริโภค

การเพิ่มโอกาสปิดการขาย

จากข้อมูลพบว่า มีเพียง 3% ของผู้เข้าชมเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ตัดสินใจซื้อสินค้าในครั้งแรกที่เข้าเยี่ยมชม ซึ่งหมายความว่ายังมีโอกาสอีกมากมายที่ธุรกิจสามารถใช้ Remarketing เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ

Remarketing ทำให้ CTR เพิ่มขึ้นถึง 161% เมื่อเทียบกับโฆษณาทั่วไป เนื่องจากสามารถนำเสนอเนื้อหาโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของผู้บริโภคที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์มาก่อน การเพิ่มประสิทธิภาพนี้ช่วยให้การปิดการขายเป็นไปได้ง่ายขึ้น พร้อมลดต้นทุนด้านการตลาดไปในตัว

การลดค่าใช้จ่ายด้านการตลาด

Remarketing ช่วยลดค่าใช้จ่ายโดยการมุ่งเป้าหมายไปยังกลุ่มที่แสดงความสนใจในแบรนด์หรือสินค้าอยู่แล้ว ทำให้การใช้งบโฆษณามีประสิทธิภาพมากขึ้น

ประเภทการโฆษณา กลุ่มเป้าหมาย การใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ
Remarketing ผู้ที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ สูง เนื่องจากเจาะกลุ่มที่มีโอกาสซื้อจริง
โฆษณาทั่วไป กลุ่มเป้าหมายกว้าง ต่ำกว่า เนื่องจากต้องเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย

การสร้างความจดจำในแบรนด์

นอกจากการเพิ่มยอดขายแล้ว Remarketing ยังช่วยทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำมากขึ้นในสายตาผู้บริโภค

"透過再行銷,能讓品牌再次且多次呈現在消費者面前,可以讓消費者對品牌的印象逐步加深, 增加轉換成功的機會" - Rosy Chen, EventX

การแสดงโฆษณาซ้ำๆ ผ่าน Remarketing ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค โดยเฉพาะเมื่อเนื้อหาโฆษณานั้นสอดคล้องกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง

sbb-itb-4ffe5b5

การตั้งค่าแคมเปญ Remarketing

หลังจากที่เราได้พูดถึงผลกระทบของ Remarketing ต่อธุรกิจแล้ว มาดูวิธีการตั้งค่าแคมเปญเพื่อให้กลยุทธ์นี้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพกันดีกว่า

การตั้งค่า Remarketing ที่ดีต้องอาศัยการวางแผนและการตั้งค่าที่ละเอียดถี่ถ้วน โดยมีขั้นตอนสำคัญดังนี้:

การติดตั้งเครื่องมือติดตาม

Remarketing จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีเครื่องมือสำหรับติดตามพฤติกรรมของผู้ใช้งานบนเว็บไซต์หรือแอปของคุณ เครื่องมือหลักที่นิยมใช้ได้แก่:

แพลตฟอร์ม การใช้งาน ประโยชน์
Google Ads Tag ติดตามการเข้าชมเว็บไซต์ แสดงโฆษณาบน Google Display Network
Facebook Pixel ติดตามกิจกรรมของผู้ใช้บนเว็บไซต์ แสดงโฆษณาบน Facebook และ Instagram
LINE Tag ติดตามการใช้งาน LINE OA แสดงโฆษณาบนแพลตฟอร์ม LINE

เมื่อคุณติดตั้งเครื่องมือเหล่านี้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการแบ่งกลุ่มลูกค้าของคุณให้เหมาะสม

การแบ่งกลุ่มลูกค้า

การแบ่งกลุ่มลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญของ Remarketing เพราะช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด คุณอาจแบ่งกลุ่มตามพฤติกรรม เช่น:

  • ผู้ที่เข้าชมเว็บไซต์แต่ยังไม่ซื้อสินค้า
  • ผู้ที่ใส่สินค้าในตะกร้าแต่ยังไม่ชำระเงิน
  • ลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าแล้ว
  • ผู้ที่เข้าชมหน้าสินค้าในหมวดเฉพาะ

การแบ่งกลุ่มเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถสร้างโฆษณาที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้ดีขึ้น

การสร้างโฆษณาเฉพาะกลุ่ม

โฆษณาที่ตรงกับพฤติกรรมของแต่ละกลุ่มลูกค้าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็นยอดขาย ตัวอย่างแนวทางการสร้างโฆษณา ได้แก่:

  • ผู้ที่เคยดูสินค้า: เสนอโปรโมชั่นหรือส่วนลดสำหรับสินค้าที่เคยชม
  • ลูกค้าที่เคยซื้อสินค้า: แนะนำสินค้าที่เกี่ยวข้องหรือสินค้าใหม่
  • ผู้ที่ใส่สินค้าในตะกร้าแต่ยังไม่ซื้อ: แสดงโฆษณากระตุ้นการตัดสินใจ พร้อมข้อเสนอพิเศษ

การปรับแต่งโฆษณาให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญได้อย่างมาก

การติดตามและวัดผล

เพื่อให้แคมเปญ Remarketing มีประสิทธิภาพ คุณต้องวัดผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ตัวชี้วัดสำคัญ เช่น:

  • อัตราการคลิกโฆษณา (CTR)
  • อัตราการกลับมาซื้อซ้ำ
  • ต้นทุนต่อการได้มาซึ่งลูกค้า (CAC)
  • มูลค่าการซื้อเฉลี่ยต่อครั้ง

การวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้อย่างละเอียดจะช่วยให้คุณปรับปรุงแคมเปญได้ตรงจุด และสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้าในระยะยาว

แนวทางการทำ Remarketing ในตลาดไทย

หลังจากตั้งค่าแคมเปญ Remarketing เบื้องต้นแล้ว มาดูกันว่าการปรับแต่งให้เหมาะสมกับตลาดไทยสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างไร

แพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมในไทย

ในประเทศไทย แพลตฟอร์มอย่าง Facebook และ Instagram ถือเป็นตัวเลือกหลักสำหรับการทำ Remarketing เนื่องจากสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลาย และมีเครื่องมือโฆษณาที่ตอบโจทย์ธุรกิจทุกประเภท

ปรับแต่งให้เหมาะสมกับตลาดไทย

การทำ Remarketing ในไทยควรพิจารณาปัจจัยเฉพาะที่สอดคล้องกับพฤติกรรมและความคาดหวังของผู้บริโภคชาวไทย:

  • การใช้ภาษาและการสื่อสาร
    ใช้ภาษาไทยที่เป็นกันเองและเข้าใจง่าย หลีกเลี่ยงการแปลตรงจากภาษาอังกฤษ เพราะอาจทำให้ข้อความดูไม่เป็นธรรมชาติ
  • การแสดงราคาและโปรโมชัน
    ระบุราคาในรูปแบบ เงินบาท (เช่น ฿1,990) พร้อมบอกส่วนลดและระยะเวลาโปรโมชันอย่างชัดเจน เช่น ลด 50% ถึงวันที่ 30 เมษายน 2568
  • การออกแบบเนื้อหา
    ใช้ภาพและกราฟิกที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมไทย เช่น สีสันหรือองค์ประกอบที่คนไทยคุ้นเคย และปรับขนาดเนื้อหาให้เหมาะกับการดูผ่านมือถือ
    เสริมความน่าเชื่อถือด้วยรีวิวหรือความคิดเห็นจากลูกค้าที่เคยใช้บริการ

การวัดผลที่เหมาะกับตลาดไทย

เพื่อประเมินความสำเร็จของแคมเปญ ควรใช้ตัวชี้วัดเดิมที่ใช้ในแคมเปญทั่วไป แต่ปรับให้สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคในไทย เช่น อัตราการคลิก (CTR) จากกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ หรือยอดขายที่เกิดขึ้นจริงจากแคมเปญ

การปรับให้เข้ากับวัฒนธรรมและพฤติกรรมของผู้บริโภคในไทย ไม่เพียงช่วยเพิ่มความเกี่ยวข้อง แต่ยังสร้างผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ธุรกิจในตลาดนี้ได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น

สรุป

Remarketing เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้ธุรกิจในไทยเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย โดยเน้นกลุ่มลูกค้าที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์มาก่อน และช่วยลดค่าใช้จ่ายด้วยการทำโฆษณาที่เจาะจงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ Remarketing ประสบความสำเร็จ ได้แก่:

  • การแบ่งกลุ่มลูกค้าตามพฤติกรรมที่ชัดเจน
  • การออกแบบเนื้อหาโฆษณาให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่ม
  • การติดตามผลและปรับปรุงแคมเปญเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

เมื่อดำเนินการตามขั้นตอนเหล่านี้ Remarketing จะไม่ใช่แค่การนำโฆษณามาแสดงซ้ำ แต่ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างแบรนด์และลูกค้า ด้วยการนำเสนอเนื้อหาและข้อเสนอที่ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขา ธุรกิจจึงสามารถเพิ่มยอดขายและขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง

หากต้องการใช้ Remarketing อย่างเต็มศักยภาพ VenueE Performance Marketing Agency พร้อมช่วยคุณวางแผนกลยุทธ์ ติดตามผล และปรับปรุงแคมเปญให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นสำหรับธุรกิจของคุณ

venuee performance marketing agency team
ต้องการเพิ่มยอดขาย?
ให้เราช่วยประเมินและวางแผนการตลาด เพื่อปรับ ROI ให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ