Published Apr 20, 2025 ⦁ 2 min read

เรียนรู้วิธีคำนวณ ROI จากโปรแกรมแนะนำลูกค้าเพื่อเพิ่มผลตอบแทนและปรับปรุงกลยุทธ์ในธุรกิจคุณ.

วิธีคำนวณ ROI จากโปรแกรมแนะนำลูกค้า

วิธีคำนวณ ROI จากโปรแกรมแนะนำลูกค้า

ROI (Return on Investment) คืออะไรในโปรแกรมแนะนำลูกค้า? มันคือการวัดผลตอบแทนที่ธุรกิจได้รับจากการลงทุนในโปรแกรมแนะนำลูกค้า เพื่อช่วยให้คุณทราบว่าโปรแกรมนั้นคุ้มค่าหรือไม่ และควรปรับปรุงอย่างไร

ROI คืออะไร​ คิดยังไง​ ทำไมถึงจำเป็นต้องรู้และ​มีประโยชน์​ยังไง ...

สรุปวิธีคำนวณ ROI แบบง่ายๆ:

  1. กำหนดช่วงเวลาวัดผล: เลือกช่วงเวลาและตั้ง KPI ที่ชัดเจน
  2. รวมต้นทุนทั้งหมด: เช่น ค่าพัฒนา ค่ารางวัล และค่าใช้จ่ายอื่นๆ
  3. คำนวณรายได้รวม: รวมยอดขายจากลูกค้าแนะนำทั้งหมด
  4. ใช้สูตร ROI:
    (รายได้รวม - ต้นทุนรวม) ÷ ต้นทุนรวม × 100%

ตัวอย่าง:

  • ต้นทุนโปรแกรม: 60,000 บาท
  • รายได้รวม: 207,500 บาท
  • ROI = (207,500 − 60,000) ÷ 60,000 × 100 = 245.8%

หมายความว่า: ลงทุน 1 บาท ได้ผลตอบแทนกลับมา 2.46 บาท

เคล็ดลับการปรับปรุง ROI:

  • ตั้งเป้าหมายและวัดผลอย่างต่อเนื่อง
  • ปรับโปรแกรมตามข้อมูล เช่น ทดสอบ A/B หรือปรับรางวัลให้เหมาะสม
  • ติดตามผลและรายงานเป็นประจำ

ROI ที่ดีช่วยให้คุณตัดสินใจได้แม่นยำและเพิ่มผลตอบแทนในอนาคต!

ตัวชี้วัดสำคัญสำหรับการคำนวณ ROI

การวัดผล ROI จำเป็นต้องรวบรวมข้อมูลใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ ต้นทุนของโปรแกรม, ยอดขายจากลูกค้าแนะนำ, และ ผลตอบแทนเสริม ที่เกี่ยวข้อง เช่น การสร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์หรือการได้ลูกค้าคุณภาพสูงเพิ่มเติม

โดยให้ความสำคัญกับการวัดยอดขายและ ROI เป็นหลัก พร้อมทั้งพิจารณามูลค่าทางอ้อมที่อาจส่งผลต่อความสำเร็จโดยรวมของธุรกิจ เช่น ความไว้วางใจในแบรนด์ หรือการได้ลูกค้าใหม่ที่มีศักยภาพสูง

เมื่อเข้าใจตัวชี้วัดเหล่านี้แล้ว สามารถนำไปใช้ในการคำนวณ ROI ได้อย่างมีประสิทธิภาพใน 4 ขั้นตอนที่จะกล่าวถึงต่อไป

sbb-itb-4ffe5b5

4 ขั้นตอนการคำนวณ ROI

เมื่อคุณมีตัวชี้วัดครบถ้วนแล้ว ก็ถึงเวลาลงมือคำนวณ ROI ด้วย 4 ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้:

  1. กำหนดช่วงเวลาวัดผล
    ระบุวันที่เริ่มต้นและสิ้นสุดที่คุณจะใช้ในการวัดผล พร้อมทั้งกำหนด KPI ที่ชัดเจนจากตัวชี้วัดทั้งในด้านต้นทุนและรายได้
  2. รวมต้นทุนทั้งหมด
    รวบรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด เช่น ค่าโบนัสแนะนำ ค่าดำเนินการ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโปรแกรม
  3. คำนวณรายได้รวม
    รวมยอดขายทั้งหมดที่เกิดจากลูกค้าที่ถูกแนะนำในช่วงเวลาที่คุณกำหนดไว้
  4. คำนวณ ROI
    ใช้สูตร (รายได้รวม - ต้นทุนรวม) ÷ ต้นทุนรวม × 100% เพื่อหาผลตอบแทนในรูปแบบเปอร์เซ็นต์

วิธีปรับปรุง ROI

เมื่อคุณคำนวณ ROI เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการปรับปรุงโปรแกรมเพื่อให้ผลตอบแทนตรงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยพิจารณาปัจจัยสำคัญเหล่านี้:

ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพ

  • ความชัดเจนของตัวชี้วัด: เช่น อัตราการแนะนำสินค้า เป้าหมายรายได้ และงบประมาณ
  • การวิเคราะห์ข้อมูล: ติดตามผลลัพธ์อย่างต่อเนื่องเพื่อลดช่องว่างระหว่างเป้าหมายและผลลัพธ์จริง

วิธีปรับปรุงโปรแกรม

  • ประเมินผลเทียบกับเป้าหมาย: ตรวจสอบว่าแคมเปญปัจจุบันสอดคล้องกับเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่
  • จัดสรรทรัพยากรให้เหมาะสม: ปรับงบประมาณและรูปแบบรางวัลให้สอดคล้องกับกิจกรรมที่สร้าง ROI สูงสุด
  • ทดสอบ A/B: ทดลองเวอร์ชันต่างๆ ของแคมเปญ และเลือกเวอร์ชันที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด

การติดตามและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

  • รายงานผลสม่ำเสมอ: จัดทำรายงานรายสัปดาห์หรือรายเดือน พร้อมอัปเดตตัวชี้วัดสำคัญ
  • การประชุมทีม: พบปะทีมงานเป็นประจำทุกเดือนเพื่อสรุปผลและปรับกลยุทธ์ตามข้อมูลล่าสุด

ใช้ข้อมูลที่ได้จากการติดตามเพื่อปรับปรุง ROI ในรอบถัดไป

ตัวอย่างการคำนวณ ROI

ลองมาดูตัวอย่างจากร้านค้าออนไลน์ขนาดกลางในช่วง 3 เดือน โดยใช้ 4 ขั้นตอนที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้:

ต้นทุนโปรแกรม

ต้นทุนรวมอยู่ที่ 60,000 บาท ซึ่งรวมถึง:

  • ค่าพัฒนาระบบ: 15,000 บาท
  • ส่วนลดผู้แนะนำ: 22,500 บาท (500 บาท × 45 ราย)
  • รางวัลผู้ถูกแนะนำ: 13,500 บาท (300 บาท × 45 ราย)
  • ค่าบริหารจัดการ: 9,000 บาท

รายได้จากโปรแกรม

รายได้รวมอยู่ที่ 207,500 บาท แบ่งออกเป็น:

  • ยอดซื้อครั้งแรกของลูกค้าใหม่: 157,500 บาท (3,500 บาท × 45 ราย)
  • ยอดซื้อซ้ำในช่วง 3 เดือน: 50,000 บาท (2,000 บาท × 25 ราย)

การคำนวณ ROI

ROI = (207,500 − 60,000) / 60,000 × 100 = 245.8%
หรือพูดง่าย ๆ คือ ลงทุน 1 บาท ได้ผลตอบแทนกลับมา 2.46 บาท

จุดที่ต้องใส่ใจ: อย่าลืมติดตามยอดซื้อซ้ำ และรวมต้นทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมให้ครบถ้วนก่อนคำนวณ ROI เพื่อให้ได้ตัวเลขที่แม่นยำที่สุด

ประเด็นสำคัญที่ควรจำ

นี่คือสิ่งที่ควรใส่ใจเมื่อคำนวณ ROI:

  • กำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจน: ใช้ KPI อย่างยอดขายจากลูกค้าแนะนำเป็นตัววัดผลหลัก.
  • ติดตามและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง: ตรวจสอบผลลัพธ์ของแคมเปญและปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับ KPI อย่างสม่ำเสมอ.
  • ใช้ข้อมูล ROI เพื่อวางแผนให้มีประสิทธิภาพ: การคำนวณ ROI อย่างแม่นยำช่วยพัฒนาโปรแกรมให้ตอบโจทย์มากขึ้น และส่งเสริมการเติบโตในระยะยาว.
venuee performance marketing agency team
ต้องการเพิ่มยอดขาย?
ให้เราช่วยประเมินและวางแผนการตลาด เพื่อปรับ ROI ให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ