Published Apr 18, 2025 ⦁ 2 min read

เรียนรู้ 5 ขั้นตอนในการวัด ROI ของแคมเปญอินฟลูเอนเซอร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตลาดและสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่า.

5 ขั้นตอนวัด ROI แคมเปญอินฟลูเอนเซอร์

5 ขั้นตอนวัด ROI แคมเปญอินฟลูเอนเซอร์

คุณอยากรู้ไหมว่าแคมเปญอินฟลูเอนเซอร์ของคุณสร้างผลตอบแทนคุ้มค่าหรือไม่?
บทความนี้จะสรุป 5 ขั้นตอนง่ายๆ ในการวัด ROI (ผลตอบแทนจากการลงทุน) สำหรับแคมเปญอินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะกับ SME ในไทย เพื่อช่วยให้คุณใช้งบประมาณการตลาดได้อย่างคุ้มค่าและตรงเป้าหมายที่สุด:

  • ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน: เช่น ยอดขาย, ลูกค้าใหม่, หรือ ROI ที่ต้องการ
  • เก็บข้อมูลแคมเปญ: ใช้โค้ดติดตามและแดชบอร์ดรายงานผล
  • เลือกตัวชี้วัดสำคัญ: โฟกัสที่ยอดขายจริงและต้นทุนต่อการได้ลูกค้าใหม่
  • คำนวณ ROI: ใช้สูตร ROI เพื่อวัดผลตอบแทน
  • ปรับปรุงแคมเปญในอนาคต: วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเลือกอินฟลูเอนเซอร์และกลยุทธ์ที่เหมาะสม

ROI = ((รายได้จากแคมเปญ − ต้นทุนทั้งหมด) ÷ ต้นทุนทั้งหมด) × 100
เริ่มต้นวัดผลลัพธ์ได้เลยวันนี้ เพื่อปรับปรุงแคมเปญและเพิ่มยอดขายในอนาคต!

Influencer Marketing EP.10 เลือก Metrics วัดผลการตลาดดิจิทัล ...

ขั้นตอนที่ 1: กำหนดเป้าหมายแคมเปญ

ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน สามารถวัดผลได้ และสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจของคุณ

เชื่อมโยงเป้าหมายกับตัวชี้วัดที่สำคัญ

เลือกตัวชี้วัดที่ตรงกับผลลัพธ์ที่คุณต้องการบรรลุ:

ตัวชี้วัด เป้าหมาย ระยะเวลา
ยอดขาย 500,000 บาท 30 วัน
ลูกค้าใหม่ 1,000 ราย 30 วัน
อัตราแปลง (Conversion) 3-5% ตลอดแคมเปญ
ROI 300% สิ้นสุดแคมเปญ

ปรับให้เข้ากับบริบทตลาดในไทย

คำนึงถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการขายในประเทศไทย เช่น:

  • แคมเปญลดราคาพิเศษ เช่น 9.9, 11.11, 12.12
  • ช่วงเทศกาลสงกรานต์ (เมษายน)
  • ต้นเดือน (ช่วงเงินเดือนออก)

ขั้นตอนต่อไป: เก็บข้อมูลจากแคมเปญเพื่อประเมินผลลัพธ์อย่างแม่นยำ

ขั้นตอนที่ 2: เก็บข้อมูลแคมเปญ

หลังจากตั้งเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบเพื่อประเมินผลและปรับปรุง ROI ต่อไปนี้คือวิธีดำเนินการ:

  • ยืนยันตัวชี้วัดสำคัญ: ตรวจสอบว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ในขั้นตอนก่อนหน้ามีตัวชี้วัดที่ชัดเจน เช่น ยอดขาย การมีส่วนร่วม หรือจำนวนผู้เข้าชม
  • ติดตั้งโค้ดติดตาม: เพิ่มโค้ดติดตามลงในเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย และแพลตฟอร์มขายสินค้า เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้ใช้งานและการขาย
  • ใช้แดชบอร์ดรายงาน: ตั้งค่าแดชบอร์ดที่แสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ เช่น ยอดขายรายวัน จำนวนผู้เข้าชม และ ROI เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจได้ทันที
  • กำหนดความถี่ในการรายงาน: วางแผนการรายงานผล เช่น รายวัน รายสัปดาห์ หรือสรุปหลังจบแคมเปญ เพื่อให้ทีมสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้อย่างทันท่วงที

การเก็บข้อมูลที่ถูกต้องและต่อเนื่องช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของแคมเปญได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และช่วยเพิ่มโอกาสในการปรับปรุงผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น.

sbb-itb-4ffe5b5

ขั้นตอนที่ 3: เลือกตัวชี้วัดผลการดำเนินงาน

เมื่อคุณรวบรวมข้อมูลครบแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกตัวชี้วัดที่สามารถสะท้อนผลลัพธ์ทางธุรกิจได้อย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น:

มุ่งเน้นที่ผลลัพธ์ทางธุรกิจ

  • ยอดขาย (Revenue): จำนวนรายได้ที่เกิดขึ้นจริง
  • ต้นทุนต่อการได้ลูกค้าใหม่ (CAC): ค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการดึงดูดลูกค้าใหม่
  • ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI): การวัดผลกำไรจากงบประมาณที่ใช้

หลีกเลี่ยงตัวเลขที่ไม่สะท้อนธุรกิจโดยตรง

อย่ามุ่งเน้นไปที่ตัวชี้วัดพื้นฐาน เช่น จำนวนไลค์ คอมเมนต์ หรือยอดแชร์เพียงอย่างเดียว แม้จะดูน่าสนใจ แต่ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้แสดงถึงผลลัพธ์ที่แท้จริงของธุรกิจ เช่น:

  • ไลค์
  • คอมเมนต์
  • แชร์
  • ยอดชมวิดีโอ

ตัวชี้วัดเหล่านี้อาจนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการคำนวณ ROI ในขั้นตอนถัดไป แต่ไม่ควรเป็นเป้าหมายหลักของการวิเคราะห์.

ขั้นตอนที่ 4: การวัด ROI

หลังจากกำหนดตัวชี้วัดสำคัญแล้ว ให้นำข้อมูลจากขั้นตอนก่อนหน้ามาคำนวณ ROI ด้วยสูตรนี้:

ROI = ((รายได้จากแคมเปญ − ต้นทุนทั้งหมด) ÷ ต้นทุนทั้งหมด) × 100

ลองแยก ROI ตามช่องทางหรือประเภทเนื้อหา เช่น รีวิวสินค้า ไลฟ์สด หรือวิดีโอสอนการใช้งาน เพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์ระหว่างแคมเปญหรือช่วงเวลาต่าง ๆ วิธีนี้ช่วยให้คุณระบุได้ว่าอินฟลูเอนเซอร์คนไหนสร้างผลตอบแทนได้ดีที่สุด และช่วยปรับกลยุทธ์เพื่อพัฒนาแคมเปญในอนาคต.

ขั้นตอนที่ 5: พัฒนาแคมเปญในอนาคต

เมื่อคำนวณ ROI จากขั้นตอนก่อนหน้าเสร็จแล้ว คุณสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้เพื่อปรับปรุงและวางแผนกลยุทธ์ใหม่สำหรับแคมเปญในอนาคตได้

วิเคราะห์ผลลัพธ์และปรับกลยุทธ์

ใช้ข้อมูล ROI จากแคมเปญที่ผ่านมาในการปรับกลยุทธ์ โดยเน้นการเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนให้ได้มากที่สุด

ปรับการเลือกอินฟลูเอนเซอร์

ROI สามารถช่วยให้คุณเลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะสมที่สุดได้ โดยพิจารณาจาก:

  • อัตราการมีส่วนร่วม เทียบกับ ยอดขายที่เกิดขึ้นจริง
  • ความตรงกลุ่มเป้าหมาย ระหว่างผู้ติดตามของอินฟลูเอนเซอร์กับสินค้า/บริการของคุณ

การสร้างฐานข้อมูลผลงานของอินฟลูเอนเซอร์จะช่วยให้คุณเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมและตรงกับเป้าหมายมากขึ้นในอนาคต

ทดลองกลยุทธ์ใหม่

ลองใช้แนวทางใหม่ๆ เช่น การสร้างซีรีส์เนื้อหา หรือจัดกิจกรรมพิเศษร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ เพื่อค้นหาวิธีที่ได้ผลดีที่สุด

รูปแบบเนื้อหา ตัวชี้วัด สินค้าที่เหมาะสม
รีวิวสินค้า ยอดคลิกลิงก์และยอดขาย สินค้าอุปโภคบริโภค, เครื่องสำอาง
ไลฟ์สด ยอดผู้ชมและการแชร์ สินค้าที่ต้องสาธิตวิธีใช้
วิดีโอสอนใช้งาน การรับชมจนจบและการกดติดตาม สินค้าเทคโนโลยี, อุปกรณ์เฉพาะทาง

บันทึกผลลัพธ์จากการทดลองเพื่อใช้เป็นข้อมูลสำคัญในการวางแผนและปรับปรุงแคมเปญในอนาคตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

สรุป

การวัด ROI ของแคมเปญอินฟลูเอนเซอร์ช่วยให้ SME ในไทยสามารถตั้งเป้าหมาย ติดตามผล และวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

VenueE Performance Marketing ซึ่งเป็นพันธมิตร Meta Badged Partner บริหารงบประมาณกว่า 150 ล้านบาทต่อปี พร้อมให้บริการรายงานผลแบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง และปรับกลยุทธ์ทุก 2 สัปดาห์.

เริ่มต้นใช้ 5 ขั้นตอนนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ROI ของแคมเปญอินฟลูเอนเซอร์ของคุณตั้งแต่วันนี้!

ด้วยเงื่อนไขสัญญาแบบรายเดือนที่ไม่ผูกมัด ธุรกิจสามารถตรวจสอบผลลัพธ์และปรับแผนงานได้ตามความต้องการ เพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนในแคมเปญอินฟลูเอนเซอร์จะสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่า

เตรียมพร้อมสำหรับแคมเปญครั้งต่อไปด้วยข้อมูลที่ชัดเจนและผลลัพธ์ที่วัดผลได้จริง!

venuee performance marketing agency team
ต้องการเพิ่มยอดขาย?
ให้เราช่วยประเมินและวางแผนการตลาด เพื่อปรับ ROI ให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ